การประชุมเต็มคณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชู ‘แผนพัฒนาเศรษฐกิจ 5 ปี’ ที่โลกจับตามอง

2025-11-02

image.png

การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของ คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 (CPC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–23 ตุลาคม 2025 ที่กรุงปักกิ่ง โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุม ได้แก่ สมาชิกเต็มของคณะกรรมการกลางจำนวน 168 คน และสมาชิกตัวสำรอง จำนวน 147 คน

ประเด็นสำคัญซึ่งถูกจับตามองจากทั่วโลก คือ การที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้กล่าวรายงานในนามของคณะกรรมการการเมือง (Politburo) และได้หยิบยก “ข้อเสนอร่าง” (draft proposals) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม 5 ปี ฉบับที่ 15 (ปี 2026-2030) ต่อที่ประชุม ในวันแรกของการประชุม เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025

ข้อเสนอหลักของแผนพัฒนา 5 ปี จะมุ่งเน้นการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจขั้นสูงที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมดั้งเดิม และพัฒนา“ระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่” เป็นแกนหลัก ด้วยการขับเคลื่อน “การพึ่งพาตนเองในเทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” เป็นหลัก

รวมไปถึงการส่งเสริมภาคบริการให้มีคุณภาพสูงขึ้น และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นระบบทันสมัย เพื่อสอดรับกับการมุ่งเน้น “เศรษฐกิจจริง” (real economy) อันจะช่วยให้สามารถลดความพึ่งพาการส่งออก และการลงทุนแบบเดิม

ทั้งนี้ ข้อเสนอ ระบุว่า จีนจะต้องเร่งสร้างศักยภาพนวัตกรรมของประเทศ และ เน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านเทคโนโลยี เน้นการเสริมสร้างการศึกษา-วิทยาศาสตร์และบุคลากรด้านเทคโนโลยีอย่างบูรณาการ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศให้น้อยลง แต่ไปมุ่งสร้างห่วงโซ่ในประเทศแทน ซึ่งจะเป็นการขยายอุปสงค์ภายในประเทศ และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนไปในตัว ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเกษตรและเกษตรกร รวมถึงการบูรณาการเมือง และเศรษฐกิจชนบทด้วย

ข้อเสนอ ยังเน้นการสร้างตลาดภายในประเทศให้แข็งแกร่ง มุ่งขยายการบริโภคในประเทศ และลงทุนด้านทุนมนุษย์ ทำให้การลงทุนและการบริโภคมีวงจรภายในที่ขับเคลื่อนได้เอง ซึ่งจะเป็นการรองรับการเตรียมการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน เช่น ระบบตลาด การจัดสรรปัจจัย สู่ระบบเศรษฐกิจตลาดระดับสูง ตลอดจนส่งเสริมการมีส่วนร่วมในระบบการค้าโลก โดยมุ่งไปสู่การเปิดประเทศ การเปิดตลาดในระดับสูงขึ้น ทั้งการค้า การลงทุน และระบบสถาบัน ในทิศทางที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ ที่สนับสนุนการร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น “ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt & Road Initiative) ที่มีเป้าหมายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง ซึ่งสอดคล้องกับร่างข้อเสนอที่ให้ส่งเสริมการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์

นอกจากนี้ ในร่างข้อเสนอยังมีทิศทางสอดครับกับกระแสโลกในเรื่องการเปลี่ยนผ่านสีเขียว โดยจะมุ่งเน้นสร้าง “จีนสวยงาม” (Beautiful China) ด้วยการยึดแนวคิดว่า “ภูเขา‐แม่น้ำเขียว คือทรัพย์สิน” โดยเน้นดำเนินการลดคาร์บอน มลภาวะ พร้อมพัฒนาการผลิตและวิถีชีวิตสีเขียว

ขณะเดียวกัน ภายใต้บรรยากาศความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ร่างข้อเสนอในการพัฒนา 5 ปี จีนยังคงธำรงไว้ซึ่งการเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ และยกระดับ “ระบบความมั่นคงแห่งชาติ” ให้ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะรวมไปถึงการมุ่งพัฒนากองทัพ กองกำลังป้องกันประเทศให้ทันสมัยขึ้น (military modernization) ภายใต้การนำของพรรค

ซึ่งหลังการประชุมสิ้นสุดในวันที่ 23 ตุลาคม ได้มีการเห็นชอบข้อเสนอแผนปี 2026-2030  ถือเป็นสัญญาณว่า พรรคกำลังเตรียมเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคถัดไปของการพัฒนา บนหลักการของแนวคิดพัฒนาการใหม่ ยึดมั่นนโยบายเดินหน้าพร้อมรักษาเสถียรภาพ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพ, การปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ, การปฏิรูปแบบรอบด้าน และการยกระดับการบริหารของพรรค

แถลงการณ์หลังการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเผยแพร่วันพฤหัสบดีที่ 23 ต.ค. ระบุว่า ผู้เข้าร่วมประชุมได้พินิจพิเคราะห์และรับรองคำแนะนำของคณะกรรมการกลางพรรคฯ รวมทั้งพร้อมรับฟังและหารือรายงานการปฏิบัติงานของกรมการเมืองที่นำเสนอในครั้งนี้

บริบทการประชุมยังสะท้อนว่า CPC ภายใต้ เลขาธิการสี จิ้นผิง กำลังเพิ่มความเข้มข้นของระเบียบวินัยในพรรค และการปรับโครงสร้างภายใน เพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอก เช่น เศรษฐกิจชะลอตัว เทคโนโลยีที่ถูกจำกัด และ ความมั่นคงประเทศ ซึ่งล้วนมีผลต่อการสร้างแรงขับเคลื่อนและโอกาสใหม่ให้กับเศรษฐกิจโลก ในฐานะที่จีนได้ก้าวขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ในปัจจุบัน เนื่องจากกรอบนโยบายมุ่งเน้น “คุณภาพมากกว่าปริมาณ” ของการเติบโต ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ “ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง”

อีกทั้ง ด้วยกำลังซื้อ และขนาดของตลาดจีน ย่อมจะสร้างโอกาสด้านตลาดให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก ยิ่งจีนจะมีการเปิดประเทศระดับสูง ยิ่งสะท้อนว่าอาจมีช่องทางการร่วมลงทุน และการค้าใหม่ๆเกิดขึ้น จากการที่จีนจะเพิ่มโอกาสให้บริษัทต่างชาติเข้าลงทุนและค้าขายกับจีนได้

สำหรับผลต่อประเทศไทย จากข้อเสนอแผนพัฒนา 5 ปี ครั้งที่ 15 (ปี 2026-2030) ในเชิงบวก ย่อมหมายถึงโอกาสทางการค้าและการลงทุนจากการเปิดประเทศระดับสูงของจีน โดยไทยน่าจะได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าเกษตร อาหาร พลังงานสะอาด และ วัตถุดิบอุตสาหกรรม

รวมไปถึงมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีน เนื่องจากในแผนพัฒนาใหม่ของจีน ที่เน้น “เศรษฐกิจคุณภาพสูง” ลดการพึ่งพาการผลิตมูลค่าต่ำ อาจส่งผลให้โรงงานจีนบางส่วนย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย มีโอกาสที่จะเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากจีนในภาคชิ้นส่วนยานยนต์ EV อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ พลังงานสะอาดและวัสดุใหม่ รวมถึงโอกาสร่วมมือด้านเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด อาทิ ด้านEV และ Battery Supply Chain ด้านระบบพลังงานหมุนเวียน และด้านเทคโนโลยีเกษตร เป็นต้น

และการขยายตัวของตลาดผู้บริโภคจีน จะส่งผลให้จีนจะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ไทยไม่เพียงสามารถส่งออกสินค้าเกษตรพรีเมียม อย่าง ทุเรียน มังคุด ลำไย ฯลฯ และอาหารแปรรูปไปยังจีน แต่การท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งช่วยหนุนการท่องเที่ยวไทยได้นั้น ก็มีโอกาสที่จะกลับมามีศักยภาพจากกำลังซื้อที่มากขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะมีโอกาสส่งออกเพิ่ม แต่จำเป็นต้องปรับตัวด้านคุณภาพสินค้า ยกระดับมาตรฐานสินค้าและโลจิสติกส์ เพราะเมื่อจีนเน้นการพึ่งพาตนเองทางเทคโนโลยี ไม่เพียงอาจจะลดการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แต่ยังอาจจะส่งออกสินค้าเทคโนโลยีสูงไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งไทย ทำให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในไทย อาจเผชิญการแข่งขันจากสินค้าจีนที่มีคุณภาพสูงขึ้น

 

โดย นายภูวนารถ ณ สงขลา

ที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการการค้าชายแดนและข้ามแดน ด้านจีนตอนใต้ หอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าว Bangkok Wealth & Biz และ สำนักข่าว บางกอกทูเดย์


แหล่งที่มา: https://thai.cri.cn/2025/11/02/ARTI1762046697358448